หลายคนน่าจะรู้ข่าวกันแล้ว วันนี้วงการหนังไทย ประเทศไทย สูญเสียบุคคลซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ‘คนทำหนัง’ คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งไป คุณอา บัณฑิต ฤทธิ์ถถล ได้จากโลกไปแล้ว ณ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ในวัย 58 ปี หลังป่วยด้วยโรคไตมานานหลายปี
ในวันที่ยังมีลมหายใจ คุณอาบัณฑิต ฝากผลงานหนังระดับขึ้นหิ้งไว้หลายเรื่อง อาทิเช่น โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ, อนึ่งคิดถึงพอสังเขป (3ภาค), สตางค์, สาปเสือที่ลำน้ำกษัตริย์, กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้, 14ตุลาสงครามประชาชน, และที่ฮิตที่สุดดังที่สุดตลอดกาล บุญชู ทั้ง 9 ภาค
มีบทสัมภาษณ์ชิ้นนึงที่ตีพิมพ์เมื่อปีก่อนของคุณอา บ่งบอกแนวคิดและตัวตนของท่านได้เป็นอย่างดี ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ด้วยอาลัยแด่การจากไปยิ่ง..
จาก คุยแบบหงุ่ย ๆ กับ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล โดยนคร โพธิ์ไพโรจน์ จากนิตยสาร Bioscope ฉบับ สิงหาคม 2551
จุดเริ่มต้นของบุญชูนะครับ
– ก่อนที่หนังชุดบุญชู จะกลายมาเป็นหนังทำเงิน จุดเริ่มต้นของมันคืออะไร
อาเป็นคนชนบท หลังบ้านก็ติดนา หน้าบ้านก็ติดคลอง อยู่บ้านนอกมาตั้งแต่เด็ก (พระนครศรีอยุธยา) แล้ววันนึงไฟว์สตาร์จะให้ทำหนังวัยรุ่น (ก่อนหน้านั้น เขามีผลงานเด่นๆเช่น คาดเชือก 2527 ,คนดีที่บ้านด่าน 2528 และ ด้วยเกล้า 2530) อาก็นึกไม่ออกว่าวัยรุ่นกรุงเทพเป็นยังไง นึกได้แต่วัยรุ่นต่างจังหวัด คือวัยรุ่นต่างจังหวัดจะเข้ามากวดวิชาในกรุงเทพ เพราะว่ายุคนั้นสิ่งที่ขวนขวายกันส่วนใหญ่คือ เรียนให้จบมัธยมปลาย แล้วหาทางเข้ามากวดวิชาในกรุงเทพเพื่อจะมาสมัครสอบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ
สมัยก่อนมันอยู่ในนี้ทั้งหมด ทุกคนรู้สึกว่าถ้าจะมาเรียนต่อต้องเข้ามากรุงเทพ ก็เลยสร้างเรื่องของวัยรุ่นต่างจังหวัดที่เข้ามาในกรุงเทพ เช่น บุญชูมาจากสุพรรณบุรี คือการพูดเหน่อเนี่ยค่อนข้างเป็นสัญลักษณ์ของคนต่างจังหวัดอยู่ ก็เลยเลือกเป็นสุพรรณบุรี นรามาจากปักษ์ใต้ คำมูลมาจากอิสาน เฉื่อยมาจากเชียงใหม่ มันก็จะมีทุกภาคมารวมกัน
อีกอย่างคือ อาชอบทำหนังบ้านนอก ไม่ชอบทำหนังในเมือง เจอตึกเจออะไรแล้วคิดไม่ออก เจอบ้านเมืองเป็นแท่ง ๆ แล้ว โอ้ จะให้ตัวละครเรามาจากไหนเนี่ย แล้วจะให้ทำอะไรดี
แนวคิดของอาเกี่ยวกับวัยรุ่นกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย
– ถ้าเทียบกับวัยรุ่นใน บุญชูผู้น่ารัก กับวัยรุ่นใน บุญชู ไอเลิฟสระอู อาว่าวัฒนธรรมเปลี่ยนไปไหมครับ
วัยรุ่นคืออะไร วัยรุ่นคือความสนุกสนาน เสถียรโกเศศ เขียนไว้ว่า วัยรุ่นคือวัยแห่งความรัก วัยรุ่นคือวัยสนุกสนาน คือความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ หนุ่มสาวคือวัยแห่งความรัก เด็กคือวัยที่ชอบเล่น วัยรุ่นอยู่ระหว่างเด็กและหนุ่มสาว คือชอบเล่นและข้องเกี่ยวกับความรัก ใครจะทำหนังเกี่ยวกับวัยรุ่นก็ทำเองเล่นๆสนุกสนานเฮฮาและความรัก โจทย์มันมีอยู่แค่นี้ ไปดูหนังเก่า ๆ ที่อาทำ กับหนังที่เขาทำสมัยนี้ มันก็เหมือนกัน ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก
จริง ๆ บุญชูจะพูดถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างเพื่อนมากกว่า ความมีน้ำใจต่อมนุษย์แม้แต่ภาคล่าสุดก็ตาม คือบางคนก็คิดถึงความสำเร็จของตนฝ่ายเดียว แต่บางทีมันก็ต้องคิดถึงคนอื่นด้วย หรืออาจถูกบังคับโดยชะตากรรม เราก็คงต้องยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อดึงเขาขึ้นมาและสิ่งที่บุญชูภาคแรกให้อย่างหนึ่งคือการสะท้อนชีวิตของเด็กบ้านนอกที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพ ที่เป็นเหมือนกันหมด ก็คืออยู่บ้านนอกเรียนเก่ง พอเข้ากรุงเทพสอบตก เพราะอะไร ผู้หญิง แสงสี ความสนุกสนาน เพื่อนฝูง เพราะงั้นบุญชูก็เลยสอบเข้ามหาลัยไม่ได้
เราไม่ได้ต้องการสื่อว่าเขาเป็นเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำอะไรหรอก เพียงแต่เขาเป็นคนที่พกพาหัวใจแบบนึง มาอยู่กันในสังคมของคนที่เขาอยู่กันด้วยหัวใจอีกแบบนึง ในสังคมคนละสังคม อย่างภาค 5 ที่เขาเรียนจบ มันก็จะมีเมสเสจบอกถึงคนที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพ แล้วหายไปกับความเจริญในกรุงเทพ จนแทบจะไม่มีใครกลับไปทำงานบ้านนอก เพื่อจะกลับไปทำอะไรซักอย่างให้บ้าน เช่น รับจ้างทำงานที่บ้าน สมัครงานที่บ้าน หรือรับราชการที่บ้าน เราก็เลยส่งให้บุญชูกลับไปทำนา เพราะเขาเรียนเกษตรนี่
ต้องยอมรับว่าความเจริญไปอยู่ตรงไหน ความมักง่ายใครมีก็อยู่ตรงนั้น ความเป็นคนไทยก็จะลดน้อยลง คือมันเป็นตะวันตกมากขึ้น พอตะวันตกเข้ามา การชิงดีชิงเด่นก็จะมากขึ้น เพราะงั้นความจริงใจจะอยู่ไกล ๆ ยิ่งไกลแค่ไหน ความใสซื่อจริงใจก็จะมากขึ้นเท่านั้น คนถ่ายหนังเขาจะรู้เลยว่า ชาวบ้านที่อยู่ไกลๆเนี่ย โอบอ้อมอารีมาก แต่ที่อยู่ใกล้ ๆ เมืองเนี่ย เงินเป็นพระเจ้าไปหมดเลย ถ่ายบุญชูสมัยก่อนนี่สบายมาก ชาวบ้านให้การช่วยเหลือเต็มที่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว นี่คือมากับวัฒนธรรมตะวันตก ที่มาพร้อมความเจริญ
– นอกจากหนังชุดบุญชูแล้ว อายังมี กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ อีกเรื่องที่พูดถึงเด็กที่ต้องจากบ้าน
ผมคิดอยู่ 5 ปี สำหรับหนังเรื่องนั้นกว่าจะได้ทำ เผอิญว่ายุคนั้นเราทำเงินให้ไฟว์สตาร์มาเยอะแล้ว ซึ่งเขาก็รู้นะว่าหนังอย่างนี้มันขาดทุนแน่ ๆ แต่เขาก็อนุญาตให้ทำ ตอนนั้นอาคิดถึงเรื่องครอบครัวเป็นปัญหาใหญ่ แม้แต่เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็น เด็ก ๆ เดี๋ยวนี้ไม่ทันไรเลยก็ไปเช่าหออยู่กันแล้ว ทั้ง ๆ ที่บ้านก็อยู่กรุงเทพนี่แหล่ะ แต่ไม่อยู่บ้าน ไม่อยู่กับพ่อแม่ ไปเช่าหอ เช่าอพาร์ทเมนต์อยู่ ทำไมไม่กลับไปอยู่กับพ่อแม่ ก็เลยจะบอกว่าไอ้ชีวิตนอกบ้านเนี่ยมันอันตราย ตามถนนมันมีทั้งยักษ์ทั้งแม่มด รอจ้องจะล่ออยู่ ทำไมไม่อยู่บ้านกันล่ะ จึงเอาเด็กมาเป็นสื่อ คือการหนีออกจากบ้านมานี่เจออันตรายได้ทุกวินาทีเลย แล้วเห็นรึเปล่าว่าเด็กเร่ร่อน เขาไม่มีบ้านจะอยู่กัน แต่เอ็งมีบ้านทำไมไม่อยู่บ้าน แค่ต้องการบอกให้คิดกันบ้าง ไม่ต้องถึงขนาดไปช่วยเด็กเร่ร่อนหรอก
ชีวิตคนไทยเป็นชีวิตครอบครัว ชีวิตมีพ่อ แม่ ลูก ลุง ป้า ปู่ย่าตายาย แต่เราเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาใช้ ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรสังคมเรารวมทั้งตัวเราเองด้วย คอยดูเถอะพอแก่ตัวไปว้าเหว่ตาย พอนั่งเหลียวหลังกลับ กูไม่มีใครแล้ว เพื่อนก็ไม่ใช่เพื่อนจริงซักคน วัดจากคนในวงการนี่แหล่ะ บางคนอาลองถามดูว่าหนูเช่าหออยู่แล้วบ้านอยู่ไหน บอกอยู่พระโขนง อ้าวแล้วทำไมไม่อยู่พระโขนง ทำไมต้องเช่าหอเอา เพียงแต่มันต้องการอิสระ เพราะอยู่บ้านแล้ว กินเหล้าไม่ได้ เที่ยวไม่ได้ สนุกไม่ได้ เท่านั้นหรือเปล่า ถ้าคิดแค่นั้นก็สนุกกันไปให้เต็มที่ แล้วหันไปมองพวกที่ตั้งอกตั้งใจดูสิ ไม่กี่ปีอายุ30 ได้เป็นผู้จัดการแล้ว อาต้องไปเป็นลูกน้องมัน (หัวเราะ)
…………………………………………………………..
ส่งความเห็นที่ hud ยกเลิกการตอบ